ทหารก็ คือ บุคคลหนึ่งที่ไม่ต่างจากบุคคลทั่วๆไป โดยการที่จะได้เป็นทหารนั้นไม่ใช้เรื่องง่ายๆเลย ในประเทศไทยการที่เราจะไปเป็นทหารได้มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ นั้นก็คือแบบสมัครใจและการถูกเกณฑ์ให้มารับใช้ชาติหรือให้มาเป็นทหารนั้นเอง โดยทั้งนี้ในประเทศไทยได้มีกำหนดให้ชายไทยทุกคนต้องมารับการคัดเลือกให้มาเป็นทหารเมื่อมีอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้การที่จะได้มาเป็นทหารได้นั้น ทางการจะเลือกผู้ที่สมัครใจก่อนโดยมีการวัดมาตรฐานทั้งร่างกายและโรคประจำตัวต่างๆ การวัดมาตรฐานร่างกายมีดังต่อไปนี้
-ต้องมีความสูง 160 ซม.ขึ้นไปและต้องมี รอบอกที่ไม่ต่ำจาก 76/79 ซม.ถึงจะได้รับการคัดเลือกไปสู้ขั้นตอนที่ต่อไป
ขั้นตอนที่สองคือการตรวจร่างกายเพื่อหาโรคต่างๆที่เป็นผลกระทบต่อการเป็นอาชีพทหาร ซึ่งจะมีโรคที่เป็นแล้วไม่สามารถเป็นทหารได้ดังนี้
-ความผิดปกติของสายตา เช่น สายสายตาสั้น-ยาวทั้งนี้จะมีกำหนดให้ว่าไม่ให้เกินเท่าไหร่ถึงเท่าไหร่,ตาปอด,ต่อหินเป็นต้น
-ความผิดปกติทางหู เช่น หูหนวกเป็นต้น
-โรคติดเชื่อ เช่น โรคเท้าช้างเป็นต้น
-โรคทางประสาทวิทยา เช่น ใบ้ อัมพาต ลมชักเป็นต้น
-โรคของต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน ภาวะอ้วนเป็นต้น
-โรคของระบบปัสสาวะ เช่น ไตอับเสบเรื้อรังเป็นต้น
-โรคของหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจพิการเป็นต้น
-โรคของระบบหายใจ เช่น โรคหืดเป็นต้น
-โรคเลือดและอวัยวะสร้างเม็ดเลือด เช่น ภาวะม้ามโตเป็นต้น
-โรคผิดปกติของกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น แขน ขา นิ้ว เท้า มือ พิการเป็นต้น
-โรคอื่นๆ เช่น มะเร็ง ตับแข็ง กระเทยเป็นต้น
โดยโรคอื่นๆที่ว่ามานี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ทหารอีกทีในการคัดเลือก
ทั้งนี้การวัดมาตรฐานทั้งร่างกายและโรคประจำตัวต่างๆที่ว่ามาทั้งหมดก็ใช้แบบเดียวกันกับทหารเกณฑ์นั้นเอง
การที่ได้มาเป็นทหารโดยผ่านการวัดมาตรฐานต่างๆมาแล้วทหารก็มีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติให้พ้นจากศัตรูต่างๆ ถือได้ว่าการการเป็นทหารก็เหมือนการทำอาชีพอาชีพหนึ่งซึ่งได้รับเงินเดือนและสวัสดิ์การเป็นการตอบแทน แต่ทหารไม่ได้มีเงินเดือนที่มากมายสักเท่าไหร่เงินเดือนของทหารจริงๆอาจจะไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ แต่ทว่าด้วยหน้าที่และศักดิ์ศรี ทหารจึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับเงินเดือนไม่กี่บาท เพื่อเป็นรั้วของแผ่นดินคอยรักษาความสงบและความปลอดภัยของประชาชนนั้นเอง